Friday, October 03, 2008

จงตอบคำถามต่อไปนี้

จงตอบคำถามต่อไปนี้

วิชาดนตรี

1.สำหรับการขับร้องประสานเสียง โดยทั่วไปจะมีหมู่ขับร้องที่ใช้อยู่คือหมู่ขับร้อง ประสานเสียง 4 แนว ได้แก่ แนว โซปราโน และแนว อาลโต ซึ่งจะเป็นผู้หญิงร้อง และ แนว เตเนอร์ กับ เบส เป็นหมู่ขับร้องชาย ถ้าเป็นหมู่ขับร้องชายล้วน มีชื่อว่า "MALE CHOIR" ประกอบด้วยแนว เตเนอร์ 1 เตเนอร์ 2 และ แนว เบส ถ้าเป็นหมู่ขับร้องหญิงล้วน มีชื่อว่า "FEMALE CHOIR" ประกอบด้วยแนว โซปราโน เมซโซ โซปราโน และแนว อาลโต.....ขอถามว่าคุณชอบคัยที่สุดในดงบังชินกิ?

2.จงยกตัวอย่างผลงานของเฟรเดริก ฟรองซัว โชแปง

3.ให้นักเรียนร้องเพลงช้างพร้อมตบมือประกอบจังหวะ
(นักเรียนสามารถขอไมค์หรือเคื่องเคาะจังหวะจากอาจารย์คุมสอบได้)

4.เครื่องดนตรีไทยชนิดใดที่เล่นโดยวิธีการเคาะ
ก.หม้อ
ข.ไห
ค.กะละมัง

5.ให้เลือกทำเพียงข้อเดียว

ก.ตัวโน๊ต ตัวที่ 17452846 ของเพลงHappy birthday คือเสียงใด (มีถึงมั้ยเนี่ย)

ข.หากนักเรียนทำข้อแรกไม่ถูก ก็ไม่ต้องทำ

คำถามข้อพิเศษ

อยากให้คัยมาสอนวิชาดนตรี *-* (ตอบได้มากกว่า 1 คน)


(ปล.สำหรับข้อ 2. ผู้ออกข้อสอบได้เล็งเห็นแล้วว่า นักเรียนส่วนมาก100% ไม่สามาถ ตอบคำถามในข้อนี้ได้ จึงถือว่านักเรียนไม่ต้องตอบในข้อนั้น)

วิชาภาษาไทย

ให้นักเรียนเลือกทำข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้


ก) จงแต่งกลอนพรรณนาความงามของตอม่อทางด่วน "โฮปเวล" ด้วยภาษาไทยวิบัติ ?

หรือ

ข) จงต่อเติมสุภาษิตต่อไปนี้ให้ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรม

ข้อ 1 ลูกผู้ชาย ฆ่าได้…

ก …ฝังให้ด้วย
ข …ก็ฆ่าไป
ค …หยามไม่ได้

ข้อ 2 อัฐยาย…

ก … ซื้อขนมยาย
ข …แล้วฉกขนมมา (เลวบัดซบ )
ค …ให้ตากลัว

ข้อ 3 น้ำมาปลากินมด น้ำลด…

ก …ตอผุด
ข …กระหน่ำซัมเมอร์เซล
ค …ให้รีบตัก
ง …มดกินปลา

ข้อ 4 น้ำท่วมทุ่ง…

ก …ผักบุ้งโหลงเหลง
ข …ผักบุ้งไฟแดง
ค …ให้รีบตัก
ง … ข้าวสาลี แล้วบู้มม!! กลายเป็นโกโก้คั้น

ข้อ 5 ช้างตายทั้งตัว…

ก …และหัวใจ …. (อ้วกก)
ข …อย่าเสียผั-วให้ใคร
ค …เอาใบบัวมาปิดไม่มิด

ข้อ 6 เห็นช้างขี้…

ก …จับตั๊กแตน
ข …คี่ตามช้าง
ค …ดีกว่าช้างตด
ง …ให้รีบตัก …….(มันยังตักอยู่ = =")

ข้อ 7 ใจดี…

ก …หามจั่ว ใจชั่วหามเสา
ข …สู้เสือ
ค …กินด่าง
ง …จังเล้ยย

ข้อ 8 ไม่เห็นน้ำ ตัดกระบอก…

ก …แล้วเอาไปขายร้านข้าวหลามหนองมน
ข …ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
ค …ไม่เห็นกระรอก โก่งหน้าไม้

ข้อ 9 วัวหาย…

ก …ทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดไม่มิด
ข …ไปไหนฟะ
ค …ควา-ยหด
ง …ล้อมคอก

ข้อ 10 รักวัวให้ผูก รักลูก…

ก …ให้ถูกทาง
ข …หามเสา
ค …ให้ตี
ง …กินด่าง


วิชาคณิต

จงตอบคำถามต่อไปนี้


1.หากนำเลขบัตรประจำตัวประชาชนของ คุณบุญกึ่ม ณ หนองโคก มาลบออกจาก
เลขบัญชีธนาคารของนาย สมตุ๋ย ลุยถั่วดำ ยกกำลังด้วยเลขบัตรนักศึกษาของ
นายบักปื๊ด บ้านบักเป็ด จะได้ผลลัพธ์เป็นเท่าไร?( - -)

2.จงขอเบอร์นักเรียนหญิงที่น่ารักๆ มาอย่างน้อย 10 รายชื่อ?
(หมายเหตุ: คะแนนจะแปรผันตามปริมาณเบอร์โทรศัพท์ความน่ารัก…)
(หมายเหตุ2 :ในกรณีที่เป็นผู้หญิง ถ้ามั่นใจว่าน่ารัก
สามารถใส่เบอร์ตัวเองได้เช่นกัน )
(หมายเหตุ3: หากใส่เบอร์กระเทยมา จะถูกปรับตกทันที)

3.นักเรียนคิดว่า ……หวยงวดต่อไปจะออกเลขอะไร ?
(หมายเหตุ : อนุญาตให้ขูดโต๊ะ เก้าอี้ ผนังห้อง หัวคนข้างหน้า … หรือเข้าทรง
ได้ตามอัธยาศัย
(หมายเหตุ 2:ถ้าใครถนัดฝันเป็นเลขเด็ด สามารถยกมือขอหมอนจากอาจารย์คุมสอบได้)

วิชาสังคม

1.จงคิดนโยบายสร้างภาพ ขายฝันให้กับประชาชน
…เพื่อใช้ในการหาเสียงในการลงสมัครรับเลือก ส.ส. ให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด?
(หมายเหตุ: อนุญาตให้ซื้อเสียง แจกเงิน ปล่อยข่าวลือ หรือ ก่อม็อบ
ประกอบไปด้วยได้ตามอัธยาศัย )

2.พฤษภาทมิฬ หรือ Black may
เป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนเคลื่อนไหวประท้วงอำนาจเผด็จการโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ
(รสช.) ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535
ที่นำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดบนท้องถนน และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ เริ่มต้นมาจากเหตุการณ์รัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534
หรือ 1 ปีก่อนหน้าการประท้วง ซึ่ง รสช. ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาล
ซึ่งมีพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนั้น
โดยให้เหตุผลหลักว่ามีการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างหนักในรัฐบาล
อยากทราบว่าคำว่า พฤษภาทมิฬ นั้นอ่านออกเสียงได้กี่พยางค์?

3. ครูสังคมกับครูคณิตศาสตร์ ใครหล่อกว่ากัน?

วิชา อังกฤษ

จงแปลประโยคสนทนาต่อไปนี้ให้เป็นภาษาไทย

1. Come on, man!!

A มานี่อย่างลูกผู้ชาย
B มาบนผู้ชาย
C มาเลย หมาน
D มาเลย เพื่อน

2.Can you finish all of them?

A กระป๋อง.. คุณเสร็จพวกมันแล้ว
B ความสามารถของคุณ จะสำเร็จทั้งหมดของมันหรือ?
C คุณจัดการให้เสร็จเลยได้มั๊ย?

4 Shut up, baby

A หุบปากซะที่รัก
B ปิดประตูซะเด็กน้อย
C ปิดข้างบนที่ตุ๊กตาบาบี้

5 Honey , I've had a crush on you since high school

A คุณน้ำผึ้ง ผมชนคุณในสมัยโรงเรียนมัธยม
B ที่รัก, ฉันทำให้เธอเสียรูปทรงที่โรงเรียนเมื่อยังสูง
C ที่รัก ผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่สมัยม.ต้น

6 May the Force be with you

A ขอพลังจงอยู่กับตัวเจ้า
B บางทีพลังแห่งผึ้งอาจอยู่กับคุณ
C แรงแห่งพฤษภาจะอยู่กับคุณ

7 Don't worry, I got your back cover

A อย่าห่วง ฉันจะคุ้มกันหลังให้เอง
B อย่ากังวลฉันเลย เอาปกสีดำเถอะ
C ไม่กังวลฉันเอาหลังของคุณ (เฮ่ยย?)

8 Oh man!! What the hell is this?
A โอ้ มนุษย์อุจจาระ นรกคืออะไร?
B โอ้ ขี้คนผู้ชายอะไรนรกคือสิ่งนี้?
C บัดซบแล้วเพื่อน นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย?

9 Hey…Give me a break man !!

A เฮ้ย ให้มันแตกหักกันไปเลยดีกว่า !!
B เฮ่…ให้ฉันได้พักก่อนสิวะเพื่อน
C ให้ฉันได้เป็นมนุษย์แตกหัก!!

10 Oh mother damn! She shot at you with her eye close

A โอ้สาบแช่งแม่เธอยิงประตูด้วยตาของเธอที่ถูกปิดที่คุณ
B โอ มารดาแห่งเขื่อน เธอถ่ายรูปที่คุณดวงตาด้วยตาที่ใกล้ (ซะดะโกะเรอะ!!)
C mangเอ๊ยย…เธอยิงคุณทั้งๆที่หลับตาอยู่

วิชาฟิสิกซ์

จงตอบคำถามต่อไปนี้

1. ชายคนหนึ่งทำการทดลองทางฟิสิกส์ด้วยการโดดร่มจากตึกสูง 150 ชั้น
ซึ่งมีความสูงชั้นละ 2. 5 เมตร
โดยให้เพื่อนของเขาสังเกตุการณ์อยู่ที่ริมหน้าต่างชั้น 18
โดยที่หน้าต่างมีความสูง 1.2 เมตร
หากช่วงเวลานั้นมีแรงลมจากทางทิศเหนือที่พัดมาปะทะตึก 150 Pa
และความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ 18% เมื่อชายคนนั้นลอยอยู่เหนือพื้น 70 เมตร
ปรากฎว่ามีแรงพยุงจากร่มชูชีพ 30 Pa
แต่เมื่อชายคนนั้นลอยเหนือพื้น 40 เมตร ร่มชูชีพเกิดขาดด้วยแรงเฉือน (Shear
force) 32 kN ชายคนนั้นจึงตกลงมากระทบพื้นด้วยคุณภาพเสียง 70 dB ………….
อยากทราบว่า ใครจะเป็นเจ้าภาพงานศพ??
(กำหนดให้แรง g = 9.8 N และอุณหภูมิขณะนั้นเป็น 20 ํc)
(มันจะกำหนดแรงมาเพื่อ)
2. การปลดปล่อยสวัสดิกะของเหล่ายมทูต อาศัยหลักฟิสิกส์อะไรบ้าง?
มีหน่วยวัดปริมาณอะไร? และแตกต่างจากการปล่อยพลังคลื่นเต่าของโงกุนอย่างไร?

3. ทฤษฎีสัมพัทธภาพ เป็นที่ทฤษฏีที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยนักฟิสิกส์ชื่อดัง
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อยากทราบว่า พ่อตาของไอน์สไตน์มีชื่อว่าอะไร?( -*-)

วิชาเคมี(อันนี้บรรไลแน่)

จงตอบคำถามต่อไปนี้

1.อยากทราบว่า เคมีอาจารย์อุ๊ กับ วุ้นคุณอุ๊ เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

2.ถ้าเอาน้ำยาล้างจาน "บรรไล" 3 mg
ผสมกับผงซักฟอกแอทแทคสูตรทะลุทะลวงทุกอณูผ้า12 mg
จากนั้นเติมไซยาไนท์เข้มข้นบัดซบลงไป แล้วเหยาะด้วย น้ำยาล้างห้องน้ำยี่ห้อ
"เซ็งเป็ด" 4 mg สูตรขจัดคราบตามลงไป คนให้เข้ากันจนได้ที่ ตั้งทิ้งไว้ 3 นาที
อยากทราบว่าสารเคมีที่ได้รับจะมีรสชาติอย่างไร?
( หมายเหตุ : อนุญาตให้นักเรียนลองชิมดูได้ตามอัธยาศัย)
(หมายเหตุ 2: นักเรียนสามารถสั่งจองโรงพยาบาล และวัด ได้ที่อาจารย์คุมสอบ )

3. นักเคมีคนใดที่เป็นแฟนพันธุ์แท้อย่างเหนียวแน่นของทีมลิเวอร์พูล
จนถึงขนาดมีลายเซ็นครบทุกคน ? และในยุคสมัยของ นักเคมีคนนั้น
ลิเวอร์พูลมีกัปตันทีมชื่ออะไร? ได้ถ้วยอะไรบ้าง?

วิชาชีวะ(ถ้าของช้านเปนงี้ดีใจตายเลย)

จงตอบคำถามต่อไปนี้

1.จงสรุปเนื้อหาชีวะที่เรียนมาตั้งแต่ ม 3- ม 6 มาพอสังเขป ?? (
อนุญาตให้เขียนได้ไม่เกิน 2 บรรทัด )

2.เพราะเหตุใด Resident evil ถึงมีชื่อภาษาไทยว่า ผีชีวะ? ( ทำไมไม่เป็น..
ผีฟิสิกส์…ผีสุขศึกษา… ผีพละ?) จงอธิบายมาโดยละเอียด พร้อมทั้งยกเหตุผลประกอบ

3.อยากทราบว่า โจโคโบะอยู่ใน phylum อะไร? class อะไร? subclass อะไร? Order
อะไร ? Species อะไร? และหากขาของโครโมโซมคู่ที่ 22
ขาดหายไปจะทำให้เกิดอาการผิดปกติอย่างไร?

Friday, August 29, 2008

7 วิธีคิดอย่างคนเก่ง " 7 Thinking method to be genius "

1.คิดในทางบวก

มองโลกในแง่ดี และทำทุกสิ่งอย่างเต็มกำลังด้วยรอยยิ้มและความเบิกบาน ทำตัวให้สดชื่นมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นอยู่เสมอ พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์ จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา ได้อย่างอยู่มือ


2.มีศรัทธาในตัวเอง

ถ้าแม้แต่ตัวคุณเองยังไม่ศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเองแล้วจะมีมนุษย์หน้าไหน ล่ะ จะเชื่อมั่นในความเก่งของคุณ อยากให้ใครๆเขาชื่นชอบและทึ่งในตัวคุณ คุณก็ต้องมั่นใจตัวเองก่อน


3. ขอท้าคว้าฝัน

ไม่มีอะไรที่จะทรงพลังมากเท่ากับความตั้งใจจริงและทุ่มสุดตัวหรอกนะ ความกระหายอันแรงกล้าที่จะพาตัวเองไปสู่จุดหมายนั่นแหล่ะ เป็นแรงผลักดันที่จะทำให้คุณสานฝันสู่ความจริงได้


4.ค้นหาบุคคลต้นแบบ

ใครก็ได้ที่คุณชื่นชมเพื่อเป็นมาตรฐานที่ดีในการดำเนินรอยตาม ศึกษาแนวคิด วิธีการทำงาน จุดเด่นในตัวเขา เผื่อว่าเราจะได้ไอเดียแจ๋วๆ มาปรับใช้ให้ชีวิตก้าวโลดสู่ความสำเร็จกับเขามั่ง


5.เริ่มต้นงานใหม่ทุกวันด้วยรอยยิ้มสดใส

คนที่มีรอยยิ้มระบายไว้บนใบหน้า เสมือนประตูที่เปิดกว้าง ให้ใครๆอยากเข้ามาคบหาด้วย การเจรจาติดต่องานก็มักจะลงเอยด้วยความสำเร็จ มากกว่าคนที่หน้าตาแบกโลกนะคะ นอกจากนี้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ยังสร้างความเบิกบานและคลายทุกข์ แถมยังเป็นยาอายุวัฒนะชั้นอ๋อง ที่ทำให้เราดูเป็นวัยสะรุ่นตลอดกาล รู้อย่างนี้แล้วหัดติดรอยยิ้มไว้ที่มุมปากเป็นประจำนะ


6.เรียนรู้จากความผิดพลาด

ก็สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง จะเป็นอะไรเชียวถ้าเราจะทำอะไร แล้วจะยังไม่สำเร็จอย่างที่หวังไว้ เพียงแต่ขอให้ทำเต็มที่ และเปิดใจให้กว้าง ยอมรับความจริง หันมาทบทวนดูว่ามีขั้นตอนไหนที่ผิดพลาดไป..... เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม


7.ทนุถนอมมิตรสัมพันธ์เก่าๆ

คงไม่มีใครที่จะอยู่อย่างมีความสุขโดยปราศจากเพื่อนหรือมิตรที่รู้ใจหรอกนะ แม้ว่าชีวิตของคุณในแต่ละวันจะวุ่นวายแค่ไหนก็ตาม คุณควรจะมีเวลาให้กับเพื่อนซี้ที่รู้จักมักจี่กันมานานซะบ้าง แวะไปหากัน เมื่อโอกาสอำนวย ชวนกันออกมาทานข้าวในช่วงวันหยุด ส่งการ์ดปีใหม่ หรือร่อนการ์ดวันเกิดไปให้ เผื่อในยามที่คุณเปล่าเปลี่ยวหงอยเหงา เศร้าทุกข์ใจ ก็ยังมีเพื่อนซี้ไว้ พึ่งพาและให้กำลังใจกันได้นะ




ที่มา : www.kookroom.com

Thursday, August 07, 2008

มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ

มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ

1. นั่งสมาธิ อย่างน้อยวันละ 15 นาที(หรือเดินจงกรมก็ได้)
อานิสงส์ --- เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า
เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย
จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ
ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง
เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล

2. สวดมนต์ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้ง! ก่อนนอน
อานิสงส์ --- เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า
เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว
แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา , พระคาถาชินบัญชร ,
พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น
เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง

3. ถวายยารักษาโรคให้วัด , ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์
อานิสงส์ --- ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา
สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า
ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา

4. ทำบุญตักบาตรทุกเช้า
อานิสงส์--- ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร
ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์

5. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆเกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน
อานิสงส์ --- เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลาถยศ
สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้
ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน

6. สร้างพระถวายวัด
อานิสงส์ --- ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข
ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป

7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์หรือบวชพระอย่างน้อย 9 วันขึ้นไป
อานิสงส์ --- ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่
ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร
สร้างปัจจัยไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา
จิตเป็นกุศล

8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย
อานิสงส์ --- ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ
ต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษา
ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง

9. ปล่อยปลาที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ
อานิสงส์ --- ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต
ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น
หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส
เป็นอิสระ

10. ให้ทุนการศึกษา , บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ , อาสาสอนหนังสือ
อานิสงส์ --- ! ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไป จะฉลาดเฉลียวมีปัญญา
ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม

11. ให้เงินขอทาน , ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม)
อานิสงส์ --- ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก
เกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง
จะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน

12. รักษาศีล 5 หรือศีล 8
อานิสงส์ --- ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
กรรมเวรจะไม่ถ่าโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษ



อานิสงส์ 10 ข้อของการไม่กินเนื้อสัตว์
1. เป็นที่รักของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้
4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
5. มีอายุมั่นขวัญยืน
6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพทั้งปวง
7. ย! ามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล
8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสูอบายภูมิ
10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่สุคติภพ

อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้
1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
3. เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม
4. เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
5. จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ
6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ ( เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน
7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา! หนี้สินจะหมดไป
8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช
9. พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นเป็นเนื้อนาบุญอย่าง เอนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่ กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ

อานิสงส์การบวชพระบวชชีพรามณ์ ( บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ , อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร )
1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา
2. เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย
3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย
4. เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป
5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต
7. เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา
8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ
9. โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย
10. ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพรา ะติดภาระกิจต่างๆ ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริม อาสาการ ให้คนได้บวช

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ ท่านพึงจะได้รับจงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำแรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรกที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจ ไม่ได้รับบุญดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมีซึ่งเป็น ทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ


*** บอกต่อก็ได้บุญ การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง

Tuesday, July 22, 2008

ตรวจสุขภาพ

วันนี้ได้ไปตรวจสุขภาพประจำปีมา ที่จริงไม่ได้ตรวจมาปีกว่าเกือบ 2 ปีแล้วล่ะ
ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เช้ามากกกก ไปถึงโรงพยาบาลวิภาวดี 7 โมงพอดี ก็ไปบอกเค้าว่ามาตรวจสุขภาพ โดยเลือกโปรแกรม "วัยรุ่นผู้ให้ความสนใจห่วยใยสุขภาพ" รายละเอียดการตรวจก็มี
1.ตรวจร่างกายทั่วไป โดยแพทย์ (Physical Examination)
2.ตรวจสุขภาพฟัน โดยทันตแพทย์ (dental Examination)
3.ตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory Test)
3.1 ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count)
3.2 ตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Sugar)
3.3 ตรวจการทำงานของไต (Creatinine)
3.4 ตรวจการทำงานของตับ (SGPT)
3.5 ตรวจระดับไขมันในเลือด (Cholesterol)
3.6 ตรวจปัสสาวะ (Urine Examination)
4. ตรวจเอกซเรย์ปอด (Chest X-ray)
5. สมุดสุขภาพ (Medical Report Book)

ตรวจไทรอยด์เพิ่ม ไม่เป็นอะไร

พอผลการตรวจอออกมาก็ไปพอหมอ หมอบอกว่า ไขมัน กับ น้ำตาล ในเลือด อยู๋ในระดับที่ ห้ามเกินไปกว่านี้แล้ว ควบคุมอาหารหน่อย การทำงานของไตมีปัญหา ให้ อีก 3 เดือน มาตรวจเกี่ยวกับการทำงานของไตอีกเที่ยว โดยให้ควบคุมอาหาร พวกโปรตีน และให้กินผักมากๆ

กลับมาถึง office ก็เลยนั่ง search เกี่ยวกับโรคไต ไปๆมาๆ เราก็ไม่มีอาการอะไรเลยนี่ เหอๆ

Monday, July 14, 2008

install to built web in ubuntu

sudo aptitude update
sudo aptitude upgrade
sudo aptitude install mysql-server
sudo /usr/bin/mysqladmin -u root password tu_nuevo_password
sudo aptitude install apache2
sudo aptitude install php5
sudo aptitude install libapache2-mod-auth-mysql
sudo aptitude install php5-gd
sudo aptitude install php5-mysql
sudo aptitude install phpmyadmin
sudo /etc/init.d/mysql restart
sudo /etc/init.d/apache2 restart

/etc/init.d/apache2
/etc/init.d/mysql


/etc/apache/httpd.conf
/etc/phpmyadmin/apache.conf
/etc/php5/apache2/php.ini
/etc/mysql/my.cnf

/var/www/

Wednesday, July 09, 2008

4 ข้อทายนิสัย (แม่นมากๆ)

ลองเล่นกันดูนะครับ

1. สัตว์ชนิดใดต่อไปนี้ที่คุณเกลียดมากที่สุด
1. แมงมุม
2. แมลงสาบ
3. ตุ๊กแก
4. ตะขาบ


2. ขณะที่คุณกำลังเดินอยู่บนสะพานลอยเพื่อที่จะข้ามถนนไปห้างสรรพสินค้า คุณเจอขอทานบริเวณบันไดทางลง และคุณให้เงินแก่ขอทาน(ใจบุญมากๆ ) คุณคิดว่าขอทานคนนั้นมีลักษณะอย่างไร
1. ตาบอด
2. พิการ
3. คนแก่
4. เด็ก


3. คุณนัดกะเพื่อนๆ ไปเที่ยวทะเล และแวะกินอาหารทะเลด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย ทุกคนทานอาหารเหมือนๆ กัน เมื่อไปถึงที่พัก ปรากฎว่า คุณเกิดท้องเสีย แต่เพื่อนๆ ไม่เป็นอะไรเลย (กระเพาะหนามากๆ) คุณคิดว่าอาหารทะเลชนิดใดเป็นสาเหตุให้คุณท้องเสีย
1. กุ้ง
2. หอย
3. ปู
4. ปลา
5. ปลาหมึก


4. ในวันหยุด คุณเดินทางโดยเครื่องบินไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณอยากไปพักผ่อน ขณะนี้คุณนั่งเครื่องมาได้ครึ่งทางแล้ว คุณคิดว่าด้านล่างของเครื่องบินเป็นอะไร
1. อาคารบ้านเรือน
2. ทะเล
3. ป่าไม้
4. ทุ่งหญ้า










เฉลย
*****************************************************

1. สัตว์ที่คุณเกลียดสื่อถึง
นิสัยบางอย่างที่เมื่อคุณพบในตัวคนรักหรือคนที่คุณกำลังให้ความสนใจ คุณจะเลิกคบและเลิกให้ความสนใจคนๆ นั้นทันที

1. แมงมุม สื่อถึง ความลึกลับน่ากลัว
2. แมงสาบ สื่อถึง ความไม่แน่นอน ลังเลใจ ไม่มีความเป็นผู้นำ
3. ตุ๊กแก สื่อถึง ความเจ้าเล่ห์ไม่จริงใจ
4. ตะขาบ สื่อถึง ความสนิทสนมเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง


2. ลักษณะของขอทาน สื่อถึง
บุคคลที่มีความสำคัญหรือจำเป็นต่อชีวิตของคุณ ซึ่งจะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไปในทางที่ดี แต่คุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนๆ นั้น

1. คนตาบอด สื่อถึง คนรัก หรือเพื่อน
2. คนพิการ สื่อถึง ญาติพี่น้อง
3. คนแก่ สื่อถึง พ่อแม่
4. เด็ก สื่อถึง ตัวของคุณเอง


3. อาหารทะเลที่ทำให้คุณท้องเสีย สื่อถึง
ข้อบกพร่องของคุณที่ควรระมัดระวังเพราะอาจทำให้เพื่อนๆ รู้สึกไม่ดีกับคุณ

1. กุ้ง สื่อถึง ความไม่มั่นใจในตัวเอง ลังเลตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได ้ต้องขอคำปรึกษาจากคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
2. หอย สื่อถึง ความขี้เกรงใจ จนบางครั้งมากเกินไป
3. ปู สื่อถึง ความเป็นคนไม่แน่นแน เจ้าอารมณ์ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
4. ปลา สื่อถึง ความเป็นคนไม่รู้จักพอเอาแต่ใจตัวเองต้องการความสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลาทำใ
ห้บางครั้งคุณอาจแสดงกิริยาเกินหน้าเกินตาเพื่อนๆ
5. ปลาหมึก สื่อถึง การเอาเรื่องส่วนตัวของเพื่อนๆมาพูดในที่สาธารณะ


4. สิ่งที่คุณเห็นอยู่ด้านล่าง สื่อถึง
ปัญหาในชีวิตที่คุณอยากจะหนีไปให้พ้น

1. อาคารบ้านเรือน สื่อถึง ปัญหาที่เกิดจากที่ทำงาน การเรียนหรือความ
สัมพันธ์ของคุณกับ เพื่อนร่วมงาน
2. ทะเล สื่อถึง ปัญหาเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นจากตัวคุณเอง
3. ป่าไม้ สื่อถึง ปัญหาภายในครอบครัว หรือเรื่องราวความรักของคุณ
4. ทุ่งหญ้า สื่อถึงปัญหาที่เกิดจากเพื่อนหรือความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบข้าง

Friday, July 04, 2008

เหรียญในโอลิมปิก 2008 "ปักกิ่งเกมส์"



เหรียญที่จะใช้ในโอลิมปิก 2008 ได้มีการผลิตออกมาแล้ว โดยที่ “BHP Billiton” บริษัทเอกชนที่ตั้งอยู่ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้ดำเนินการจัดหาวัตถุดิบจากทั้งในออสเตรเลียและชิลี แยกเป็นทองคำ 28 ½ ปอนด์, เงิน 2,954 ปอนด์ และทองแดง 15,278 ปอนด์ เพื่อนำมาใช้ทำเหรียญ อีกทั้งเหรียญรางวัลใน “ปักกิ่งเกมส์” ยังมีความพิเศษเพื่อบ่งบอกถึงวัฒนธรรมจีน เนื่องจากมีการนำหยกจากมณฑลควินไห่ มาประกอบเข้าไปด้วย




Thursday, July 03, 2008

กลอนเบื่อๆ

นั่งทำงาน เบื๊อเบื่อ ก็ต้องทน
นั่งจ้องคอม ปวดตา ทนไม่ไหว
นั่งทั้งวัน จนเมื่อย ล้าหทัย
นั่งเข้าไป นั่งทำงาน นั่งทั้งวัน

บางวันงาน เข้าน้อย ก็นั่งเล่น
บางวันเย็น แล้วยัง กลับไม่ได้
บางวันหยุด ก็ต้องทำ ot ไป
งานๆๆ เบื่อจัง ลาออกกัน

เมื่อออกแล้ว ไปนอน เข้าที่บ้าน
พักผ่อนกาย พักผ่อนใจ ช่างสุขสันต์
สักพัก เงินหมด ก็บ่นกัน
สุดท้ายฉัน ก็ต้องกลับ สู่ที่เดิม

Tuesday, July 01, 2008

กลอนๆๆ

อลิซา เบทตี้ สาวศิลศาสตร์
ชอบมาปาด หน้ารถ civicฉัน
ชอบมาอ่อย msn ฉันทุกวัน
ญ ก็ดัน ชอบมายุ่ง ด้วยทุกที

ถ้ากล่าวถึง ความใน จากอดีต
เหมือนเส้นขีด แบ่งกัน ไว้สองสี
ด้วยสีหนึ่ง คือความสุข ข้างในมี
แต่อีกสี เป็นความทุกข์ ข้างในทรวง

ใครบ้างเล่า ที่จะสุข สมทุกอย่าง
ใครบ้างเหล่า ที่จะเศร้า หมองทุกสิ่ง
ใครบ้างเหล่า ที่จะนิ่ง เป็นอาจิน
สิ่งทุกสิ่ง ล้วนมีไว้ เปลี่ยนแปลงไป

มันอยู่ที่ ตัวเรา ใช่คนอื่น
มันอยู่ที่ ใจเรา หรือสิ่งไหน
มันอยู่ที่ จิตเรา นำพาไป
มันอยู่ที่ ตรงไหน ใครบอกที


ปล. ขอเขียนเพิ่มหน่อย เดี๋ยวมีคนเข้าใจผิด คือว่า กลอนนี้ได้แรงบันดาลใจมากเพื่อนผมเอง (อั๋น)

Thursday, April 24, 2008

ทำไมต้องทำติดต่อกัน 21 วัน

หลายๆคนอาจจะรู้จักแล้ว แต่เราเพิ่งเคยรู้จักหนะ เค้าบอกว่าเซลล์สมองจะเริ่มสร้างและก่อตัวเมื่อเรากำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่ถ้าหยุดทำเซลล์ที่กำลังแตกกิ่งก้านจะหยุดโตและฝ่อไป แต่ถ้าผ่านไปประมาณ 3 อาทิตย์แล้วจะมีชั้นไขมันมาหุ้ม ทำให้เซลล์ที่โตแล้วยังอยู่กับเรา (ประมาณนี้แหละนะ) เราก็ดูมาจาก link ข้างล่างอีกที

เรื่อง : หนูดี วนิษา เรซ ใน จับเข่าคุย "อัจฉริยะสร้างได้"[
http://tv.sanook.com/vdo/player.php?contentID=219165

ของเค้าดีจริง ไม่รู้ได้ดูกันหรือเปล่า ดูแล้วก์..อืมม ทึ่งในความสามารถและความคิดของผู้หญิงคนนี้ ฟังแล้วก็ได้ข้อคิดดีนะ ต้องฟังให้จบนะ ลองดู

http://women.sanook.com/dreammodel/women/women_42610.php
อันนี้เวอร์ชั่นอ่าน

วิจารณ์หนังสือ
อัจฉริยะสร้างได้ ที่ขายดิบขายดี ต้องจองกัน 1อาทิตย์กว่าจะได้อ่าน แต่ก็เป็นหนังสือดีสมการเฝ้าคอย เขียนสนุก กระตุ้นกำลังใจ และให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมอง และความสามารถที่สมองเราจะไปถึงได้ระดับอัจฉริยะในด้านต่างๆ โดยอธิบายถึงทฤษฎี "พหุปัญญา" หรือ Multiple Intelligences ของ ดร. โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) สหรัฐอเมริกา ซึ่ง "หนูดี" ผู้เขียนเป็นลูกศิษย์โดยตรง เธอจบปริญญาโท จาก Harvard ทางด้านวิทยาการทางสมอง (Neuroscience) ในโปรแกรม Mind Brain and Education และเธอก็เป็นผู้ชนะล้านที่ 15 ของรายการอัจฉริยะข้ามคืนด้วย

หนังสืออัจฉริยะสร้างได้ กล่าวถึงอัจฉริยภาพ โดยทฤษฎีพหุปัญญา ว่า มี 8 ด้าน คือ

1. ภาษาและการสื่อสาร (Linguistics Intelligence)
พูดได้หลายภาษา ชอบพกหนังสือติดตัว ชอบแต่งกลอนแต่งเพลง ชอบเขียน ชอบเล่าเรื่องที่อ่านให้คนอื่นฟัง คุณหนูดียังสอนวิธีการอ่านเร็วให้ไว้ด้วย
2. ร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily-Kinesthetic Intelligence)
พวกชอบขยับเขยื่อนเคลื่อนไหว เล่นกีฬา เต้นรำ ประดิษฐ์ของ บังคับเครื่องยนต์ หรือใช้อุปกรณ์เก่ง ไปไหนใกล้ๆมักก็จะเดินไป
3. มิติสัมพันธ์และการจินตภาพ (Spatial Intelligence)
จะเป็นคนพวกจินตนาการเก่ง จำเป็นภาพ คิดเป็นภาพ ชอบวาดรูป ชอบดูรูป อ่านแผนที่เก่ง ชอบต่อจิ๊กซอว์ ชอบไฮไลท์เวลาอ่านหนังสือ
4. ตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
ชอบวางแผน คิดเลขในใจเร็ว กะระยะทาง-น้ำหนัก-ความสูงเก่ง คิดตามเหตุตามผล และชอบเล่นหมากรุก หรือเกมส์วางแผน
5. การเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
มั่นใจในตัวเอง ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง กล้าปฏิเสธ อยู่คนเดียวได้สบาย ปลอบใจตัวเองได้ดี ดูแลตัวเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ชอบถามตัวเองว่าเกิดมาทำไม จุดหมายชีวิตคืออะไร และตั้งเป้าหมายของชีวิต
6. การเข้าใจผู้อื่นและมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)
มีเพื่อนหลายกลุ่ม ชอบช่วยเหลือคน เข้าใจความรู้สึกคนอื่นได้ดี สังเกตุอารมณ์คนอื่นได้ ชอบทำงานอาสาสมัคร
7. การเข้าใจธรรมชาติ (Naturalist Intelligence)
เดาได้ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร ชอบธรรมชาติ ชอบใช้วัสดุธรรมชาติ ชอบทำอาหาร ปั้นดินเผา หล่อโลหะ มีเซนส์ทางนี้ ปลูกต้นไม้งาม ชอบอยู่นอกห้องแอร์ ชอบสังเกตุสภาพแวดล้อม เอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆได้
8. ดนตรีและจังหวะ (Musical Intelligence)
ชอบฟังเพลง เล่นดนตรี ชอบเคาะหรือทำอะไรเป็นจังหวะ แยกเสียงเครื่องดนตรีได้ ชอบแปลงเพลง

อัจฉริยะสร้างได้ กล่าวว่า เราสามารถฝึกให้เป็นอัจฉริยะได้ในทุกๆด้าน อ่านแล้วก็อาจจะพบว่าเราเอง และคนใกล้ตัวก็เป็นอัจริยะในหลายๆด้านเหมือนกัน อัจฉริยะสร้างได้จะบอกถึงวิธีสังเกตุความอัจฉริยะ และวิธีพัฒนาอัจริยภาพในด้านต่างๆ และมีบทความจากผู้ที่เป็นอัจฉริยะด้านต่างๆให้อ่านด้วย โดยทั้งหมดเป็นผู้ชนะและผู้เข้าร่วมรายการอัจฉริยะข้ามคืน

อย่างที่บอก นอกจากเป็นหนังสือดีแล้ว ยังกระตุ้นกำลังใจอีก คือจะบอกให้เราพยายามฝึกฝน ฝึกฝน ฝึกฝน อย่างที่เคยเขียนไว้ในไม่มีอะไรทำไม่ได้ ยังไงยังงั้น เพราะสมองจะสร้างเส้นใยใหม่ๆมา ถ้าเราไม่ฝึกต่อไป เส้นใยใหม่ที่ไม่แข็งแรงก็จะหายไป และอัจฉริยะสร้างได้ก็บอกให้เราเปิดตัวเอง เปิดใจ และไม่ให้จัดประเภทของคนและสิ่งของมากจนเกินไป คุยกับคนใหม่ๆ ทำสิ่งใหม่ๆ อันนี้ก็ตรงกับที่เคยเขียนในลองทำอะไรใหม่ๆ!เหมือนกัน เพราะสมองจะหลั่งสารแห่งการเรียนรู้ หรือ โดพามีน (Dopamine) ออกมาทุกครั้งที่เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ หรือแม้แต่ได้ของใหม่ก็ตาม ทำให้เรารู้สึกมีความหวัง รู้สึกสดชื่น เต็มๆในอก และถ้าสมองหลั่งโดพามีนออกมาบ่อยๆ มันก็จะหลั่งโดพามีนออกมาอย่างง่ายดายในครั้งต่อๆไป เราก็มีความสุข มีความหวัง

นอกจากนี้ คุณหนูดียังแนะทิปที่ดีกับสมองหลายอย่าง เช่น นั่งตัวตรง ยืนตัวตรง เพราะจะทำให้ร่างกายรับอ็อกซิเจนได้เยอะ และก็ไปเลี้ยงสมองได้ดี และก็จิบน้ำบ่อยๆ เพราะสมองมีน้ำเป็นส่วนประกอบเยอะ น้ำดีต่อสมองค่ะ

อย่างไรก็ตาม อัจฉริยะสร้างได้นี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของหนูดีเยอะ ว่าทำอะไรมาบ้าง และทำได้ดี โดยจากที่อ่านดู หนูดีเป็นคนที่ขยันและตั้งใจเรียน เหมือนเด็กสอบได้ที่หนึ่งทั่วไปอยู่แล้ว ถ้าอยากเก่งเหมือนหนูดี นอกจากจะใช้เทคนิคต่างๆที่เธอแนะนำแล้ว ก็ขอบอกว่า ต้องขยันๆและตั้งใจด้วยจ๊ะ ใช้อิทธิบาท 4 แบบชาวพุทธเราเลย คือ มีความรักความชอบก่อน แล้วก็พยายาม แล้วเอาใจใส่ และคิดพิจรณาวิเคราะห์ว่า เราจะทำอย่างไรให้ดีขึ้นได้ หนูดีเองก็บอกว่า สมองชอบจำในสิ่งที่ชอบและ เรื่องที่เกี่ยวกับสมองทุกเรื่องมีหลักการเดียว คือ ฝึกฝน ฝึกฝน และฝึกฝน และอีกอย่าง คนเราทำอย่างเดียวให้ดี...ไม่ดีหรอก แต่เราควรทำอย่างหนึ่งให้ดีเลิศไปเลย แล้วทำอย่างที่เหลือให้ดี...จะดีกว่า
ข้างบนจาก link
http://developed-thailand.blogspot.com/2007/08/blog-post_12.html

คัดลอกมาจาก http://www.cp.eng.chula.ac.th/webboard/viewtopic.php?t=7759

Wednesday, April 02, 2008

"โนเบลเลข 2008" ยกให้ 2 ปรมาจารย์ผู้สร้างทฤษฎีกลุ่มสู่วิธีแก้รูบิก

เอพี/เอเยนซี - มอบ "เอเบลไพรซ์" แก่ 2 นักคณิตศาสตร์อเมริกัน-ฝรั่งเศสผู้พัฒนาแนวคิดใหม่เกี่ยวกับ "ทฤษฎีกลุ่ม" ซึ่งประยุกต์สู่วิธีแก้รูบิกและการศึกษารูปแบบการหมุนของรูปทรงหลายหน้า รวมถึงการศึกษาเรขาคณิต ฟิสิกส์และวิทยาการคอมพิวเตอร์

สถาบันการศึกษาวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์แห่งนอร์เวย์ (Norwegian Academy of Sciences and Letters) มอบรางวัลเอเบลไพรซ์ (Abel Prize) ประจำปี 2551 ให้แก่ ศ.จอห์น กริกก์ส ธอมป์สัน (Prof.John Griggs Thompson) นักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกันวัย 75 จากมหาวิทยาลัยฟลอริดา (University of Florida) และ ดร.ฌาคส์ ทิตส์ (Dr.Jacques Tits) นักคณิตศาสตร์ฝรั่งเศสเชื้อสายเบลเยียมวัย 77 ซึ่งเป็นศาสตราจารย์กิตติคุณจากคอลเลจ เดอ ฟรองซ์ (College de France)

ทั้งนี้คณะกรรมการผู้มอบรางวัลกล่าวว่าทั้งสองได้สร้างรูปแบบทฤษฎีกลุ่มสมัยใหม่ (modern group theory) ซึ่งเป็นศาสตร์ทางด้านพีชคณิต ในบางครั้งเรียกทฤษฎีดังกล่าวว่า "ศาสตร์แห่งความสมมาตร" (science of symmetries) ซึ่งใช้แก้ความท้าทายลูกบาศก์ของรูบิก (Rubik's Cube) ได้ หรือยังนำไปในการแก้ปัญหาทางเรขาคณิต ฟิสิกส์และวิทยาการคอมพิวเตอร์อีกด้วย

"ผลงานของจอห์น ธอมป์สันและฌาคส์ ทิตส์เป็นความลึกซึ้ง และมีอิทธิพลอย่างไม่ธรรมดา เขาทั้งสองประกอบชิ้นส่วนสำคัญของทฤษฎีกลุ่มสมัยใหม่เข้าด้วยกัน" คำประกาศสดุดีผลงานของทั้งสอง

คณะกรรมการรางวัลยังกล่าวอีกว่าธอมป์สันและทิตส์ต่างสร้างแนวคิดใหม่ที่มีความสำคัญมากในทฤษฎีกลุ่ม ซึ่งเป็นทฤษฎีที่นักคณิตศาสตร์ใช้แสวงหาความเข้าใจในความสัมพันธ์ ระหว่างการพับกลับและการหมุนของรูปทรงยี่สิบหน้า (icosahedron) ซึ่งมีด้านข้างหลายหน้า

หนึ่งในการนำผลงานของนักคณิตศาสตร์ทั้งสองไปประยุกต์คือ การสาธิตด้วยลูกบาศก์รูบิกโดย ศ.อาร์น บี.สเลตโจ (Prof.Arne B. Sletjoe) นักคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออสโล (University of Oslo) ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งทฤษฎีกลุ่มช่วยให้นักคณิตศาสตร์คำนวณจำนวนและลำดับในการหมุนที่จำเป็นเพื่อทำให้สีของลูกบาศก์เล็กๆ ในรูบิกกลับคืนสู่หน้าที่ถูกต้อง

"ในมุมมองเชิงทฤษฎีกลุ่ม เรื่องนั้นรูบิกไม่ใช่สิ่งที่ยากจะเข้าใจนัก อย่างไรก็ดีการจำลำดับและทำให้ลูกบาศก์เรียบร้อยค่อนข้างยุ่งยาก ทั้งนี้ลูกบาศก์รูบิกไม่ใช่เป็นเพียงตัวอย่างที่ดีของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีกลุ่ม แต่ยังเป็นหลักฐานที่ชัดเจนของความจริงที่ว่า ทฤษฎีก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการนำไปใช้ภาคปฏิบัติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" ศ.สเลตโจแสดงความเห็นดังกล่าวผ่านรายงาน

สำหรับ ศ.ธอมป์สันนั้นเกิดที่เมืองออตตาวา มลรัฐคันซัส สหรัฐฯ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเยล (Yale University) ในปี 2498 และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicago) ในปี 2502

ธอมป์สันเริ่มงานสอนที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด (Havard University) จากนั้นก็สอนที่มหาวิยาลัยชิคาโก ก่อนที่ย้ายไปอังกฤษซึ่งเข้าใช้เวลาถึง 23 ปีสอนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) แต่ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ที่มลรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ และสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฟลอริดา

ส่วน ดร.ทิตส์นั้นเกิดใกล้ๆ แถวกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม เขาเข้าเรียนได้เข้ามหาวิทยาลัยฟรียูนิเวอร์ซิตี ออฟ บรัซเซลส์ (Free University of Brussels) ตั้งแต่อายุ 14 ปี และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตเมื่ออายุได้เพียง 20 ปี จากนั้นเขาก็ได้สอนที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว

ต่อมาในปี 2507 ทิตส์ย้ายไปสอนที่มหาวิทยาลัยบอนน์ (University of Bonn) ก่อนที่จะรับเป็นประธานกลุ่มศึกษาทฤษฎีกลุ่มที่มหาวิทยาลัยฝรั่งเศสเมื่อปี 2516 จนกระทั่งเกษียณเมื่อปี 2543

รางวัลเอเบลไพรซ์มอบขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2543 โดยรัฐบาลนอร์เวย์ และตั้งชื่อตาม นีลส์ เฮนริค เอเบล (Niels Henrik Abel) นักคณิตศาสตร์นอร์เวย์ที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 19

ทั้งนี้ปีที่ผ่านมา ศรีนิวาส วาราธาน" (Srinivasa Varadhan) ศาสตราจารย์ชาวอินเดีย จากสถาบันวิทยาการคณิตศาสตร์คูแรนท์ (Courant Institute of Mathematical Sciences) มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (New York University) สหรัฐฯ ได้รับรางวัลนี้ จากผลงานเกี่ยวกับหลักการค่าเบี่ยงเบนขนาดใหญ่ (Large Deviation)

สำหรับปีนี้มีพิธีมอบรางวัลอย่างเป็นทางการในปีนี้ จะจัดขึ้นในวันที่ 20 พ.ค.51 ณ กรุงออสโล นอร์เวย์

ทั้งนี้ แม้ว่าเอเบลไพรซ์ได้รับการยกย่องให้เป็น "โนเบล" สำหรับสาขาคณิตศาสตร์ แต่ก็ยังมีรางวัลสำหรับนักคณิตศาสตร์อีกรางวัล ที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีไม่แพ้กันนั่นคือรางวัล "ฟิล์ดมีดัล" (Field Medal) ซึ่ง ศ.ธอมป์สันเองก็เคยได้รับรางวัลหลังนี้เมื่อปี 2513 โดยขณะนั้นเขามียังอายุไม่ถึง 40 ปี.


ที่มา http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000038926

Monday, February 11, 2008

ทำไมถึงเรียกต่างกัน นิสิต กับ นักศึกษา

ว่าด้วยข้อถกเถียง นิสิต นักศึกษา
บ่อยครั้งที่กระทู้ในโต๊ะห้องสมุดจะมีข้อถกเถียงเรื่องที่มาของคำว่า “นิสิต” และ “นักศึกษา” โดยมากมักตั้งคำถามกันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร สถาบันใดที่ใช้คำว่านิสิตบ้าง เป็นต้น
ก่อนจะตอบคำถามเหล่านั้นก็ควรจะมาดูก่อนว่าคำว่า “นิสิต” หมายถึงอะไร และสถาบันใดบ้างที่ใช้คำว่า “นิสิต”
คำว่า “นิสิต” นั้นเป็นภาษาบาลี แปลว่า “ผู้อาศัยกับอุปัชฌาย์” เนื่องจากแต่เดิมสถาบันการศึกษาระดับสูงมักมีหอพักให้ผู้เรียนได้พักอาศัยภายในสถาบัน ประกอบกับความนิยมภาษาบาลีด้วยจึงได้ใช้คำนี้โดยทั่วไป
จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเริ่มแรกเป็นโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราวุธ ได้สถาปนาขึ้นเป็น “จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย” และปรากฏใช้คำว่า “นิสิต” สำหรับนิสิตชาย และ “นิสิตา” สำหรับนิสิตหญิง ต่อมาจึงได้เปลี่ยนมาใช้คำว่า “นิสิต” เพียงคำเดียว
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก็ก่อตั้งขึ้นโดยที่ค่านิยมภาษาบาลีสันสกฤตยังเป็นที่นิยมและมีหอพักให้ผู้เรียนภายในสถาบันเช่นเดียวกัน จึงใช้คำว่า “นิสิต” มาตั้งแต่แรกเริ่ม
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ นับเป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของไทย เริ่มต้นจากการเป็น “โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูงถนนประสานมิตร” ต่อมาได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น “วิทยาลัยวิชาการศึกษา” นับเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกของไทยที่สามารถเปิดสอนวิชาชีพครูได้ถึงระดับปริญญา (ก่อนจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย) โดยมีทั้งสิ้น ๘ แห่งทั่วประเทศ และทุกแห่งก็ใช้คำว่า “นิสิต” เหมือนกันหมด
ภายหลังวิทยาลัยวิชาการศึกษาทั้ง ๘ แห่ง ก็ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น “มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ” (อ่านว่า สี-นะ-คะ-ริน-วิ-โรด) และปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนแปลงไป ดังนี้
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (คงสถานะเดิม)
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน (ยุบวิทยาเขต)
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พลศึกษา (ยุบวิทยาเขต)
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางเขน (ยุบวิทยาเขต)
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก (ยกฐานะเป็น มหาวิทยาลัยนเรศวร)
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม (ยกฐานะเป็น มหาวิทยาลัย มหาสารคาม)
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางแสน (ยกฐานะเป็น มหาวิทยาลัยบูรพา)
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา (ยกฐานะเป็น มหาวิทยาลัยทักษิณ)
จนปัจจุบันที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒแต่ละแห่งได้มีการเปลี่ยนไปด้วยประการต่าง ๆ แต่ก็ยังคงใช้คำว่า “นิสิต” เหมือนกันหมด
ทั้ง ๓ มหาวิทยาลัย (๗ มหาวิทยาลัย) ใช้คำว่า “นิสิต” ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือ มีหอพักให้ผู้เรียนอยู่ภายในสถาบัน
ในสมัยที่ประชาธิปไตยพยายามจะเบ่งบาน มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง (ธรรมศาสตร์ หมายถึง วิชาว่าด้วยกฎหมาย) เป็นมหาวิทยาลัยเปิด ไม่มีหอพักให้ผู้เรียน จึงสร้างคำใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เป็น “ไทย ๆ” มากขึ้น จึงใช้คำว่า “นักศึกษา”
มหาวิทยาลัยที่เกิดขึ้นภายหลังหลาย ๆ แห่ง แม้จะมีหอพักนักศึกษาอยู่ภายในมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่นิยมใช้คำว่า “นิสิต” เหมือนมหาวิทยาลัย “โบราณ” ที่ก่อตั้งมานานแล้วทั้งหลาย จึงหันไปใช้คำว่า “นักศึกษา” เหมือนกันแทบทุกแห่ง แม้แต่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เอง แต่เดิมก็ใช้คำว่า “นิสิต” แต่ภายหลังอธิการบดีท่านหนึ่งซึ่งเป็นนายแพทย์ ก็ได้เปลี่ยนคำว่า “นิสิต” มาเป็นคำว่า “นักศึกษา” ดังนั้น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เองก็นับเป็นมหาวิทยาลัยที่เคยใช้คำว่า “นิสิต” มาก่อน
ผู้ที่ตอบกระทู้ในโต๊ะห้องสมุดหลายคน ก็ให้เหตุผลต่าง ๆ กัน บ้างก็ว่าถ้าที่ไหนเก่าก็ใช้คำว่านิสิต บ้างก็ว่ามหาวิทยาลัยแห่งใดอยากใช้คำว่านิสิตก็ต้องขอพระราชทานเอา (ก็นับเป็นเหตุผลที่ตลกเหตุผลหนึ่ง) ส่วนเหตุผลที่ไม่เข้าท่าที่สุดก็เห็นจะเป็นเหตุผลที่ว่า “มหาวิทยาลัยใดที่เคยมีเจ้าฟ้าเข้าเรียน ก็จะเปลี่ยนไปใช้คำว่านิสิต”
อาจจริงอยู่ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเคยทรงศึกษาที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต อักษรศาสตรมหาบัณฑิต และเคยทรงศึกษาระดับปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิตที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร แต่มหาวิทยาลัยดังกล่าวมาแล้วนั้น ปรากฏใช้คำว่า “นิสิต” มาตั้งแต่เดิมแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาเปลี่ยนเอาภายหลัง
อีกประการหนึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็เคยทรงศึกษาระดับปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (จารึกตะวันออก) ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร แต่มหาวิทยาลัยศิลปากรก็ไม่เห็นจะต้องเปลี่ยนคำว่า “นักศึกษา” เป็น “นิสิต” แม้แต่น้อย
อาจจริงอยู่ที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะเคยทรงศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่สถาบันแห่งนี้ก็ใช้คำว่า “นิสิต” มาตั้งแต่นมนานก่อนที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ จะเสด็จเข้าทรงศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เช่นเดียวกัน
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์